• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Chigaru, April 05, 2023, 06:45:27 PM

Previous topic - Next topic

Chigaru

1. เนื่องจากเราไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อดำเนินงานอย่ างเดียว

พวกเรามิได้ทำงานแล้วแฮปปี้ทุกๆวัน หลายทีที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าถ้าหากพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต อาทิเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และยังรวมไปถึงต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราถูกใจจะทำให้อารมณ์เบิกบานขึ้น แล้วก็ เพิ่มความเชื่อมั่นและมั่นใจ เนื่องจากการเฟลจากที่ดำเนินการส่วนใหญ่มักทำให้เราเสียกำลังใจ และขาดความมั่นใจในตนเอง สำหรับเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และ อีกเยอะมาก


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย มุ่งมั่นขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ขณะนี้ปฏิบัติงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากยิ่งกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับพนักงานประจำตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่เรากลัวเกรงที่สุดในสถานที่สำหรับทำงานก็คงหนีไม่พ้นเจ้านาย คนที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนาๆประการ อย่ างตัวเราเคยพบทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานหนัก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำการทำงาน รอสั่งคนนู่นทีคนนี้คราว แต่พอใช้ได้มองดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่คนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมายไม่ได้ไง เพราะอะไรน่ะหรอ นอกเหนือจากที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองเหม็นหน้าแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความเคารพนับถือด้วย หนำซ้ำบางครั้งก็อาจจะระรานกันเสียระบบการปกครองทั้งทีม


ถ้าหากให้ชี้แนะก็อย ากจะพูดว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดีกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนชั่วบ้ า ง นิสัยก็ไม่เหมือนกันบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ ามองว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้ดูในมุมที่ว่าถ้าเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่แห่งไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

มิได้อย ากอยู่ดึกๆให้ผู้ที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากปฏิบัติงาน ก็อย ากท่องเที่ยวเหมือนกันนั่นแหละ แต่เพียงแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบพวกเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองคิดดู

แค่เรานำเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าต้องเอางานเราไปพรีเซนเทชั่นกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องใครกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ ามั่นใจในตัวเองเกินไปในโลกออนไลน์

หลายๆคนเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แต่รู้รึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกเหนือจากการที่จะมอง resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย สหายเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกอินเตอร์เน็ต

ของเรานั้นส่งผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นพนักงานประจำสุดกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างพวกเราคือไม่แตะเฟสบุ้คเลย หรือถ้าจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าเกิดหัวหน้ามามองเห็นก็ไม่เป็นไร


ถ้าอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆแนะนำให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาลำธารที่พด้วย ด้วยเหตุว่า ส่วนมากคนในสถานที่สำหรับทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่งม ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่นอน...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา พอใจ เอาใจใส่ แม้กระนั้น... อย่ าเก็บลู่วิ่งบุคคลอื่นมาอิจฉา

ช่วงปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เพื่อนพวกเราผู้คนจำนวนมากเริ่มศึกษาต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตนเอง บางครั้งเราเลื่อนมองหน้าเฟสรวมทั้งแอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ได้ดิบได้ดี แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่ว่าบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดียิ่งกว่าเราหรอกเผลอๆเพื่อนหลายท่านบางทีอาจจะกำลังอิจฉาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่พวกเราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจดจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น

โฟกัสที่ทางวิ่งของพวกเรา ทราบดีว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร รู้ดีว่าจุดหมายเราอยากอะไร ทราบว่าวันนี้เราทำดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบดูทางวิ่งบุคคลอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราจริงจังกับชีวิตมากยิ่งขึ้น แม้กระนั้นอย่ าเก็บมาตั้งใจกระทั่งเป็นทุกข์เป็นร้อนเพียงพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งตกอกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้หมายความว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงหัวใจกับคนใดกันแน่ แต่ว่า... มีความหมายว่า " เราไม่สนใจฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในสถานที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพวกเล่นพ้อง หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากๆ) ส่วนใหญ่ไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้มากมายนี่ห้ามเพลี่ยงพล้ำเลยคะ มีคนคอยซ้ำเยอะแยะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่เป็น... การที่เรามองว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร มิได้พูดว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือ ฝืนตนเอง แต่... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชื่นชอบ

โตมาในสังคมที่ไม่เหมือนกัน การที่พวกเราดูแล้วรู้ดีว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะมีผลให้พวกเราได้เปรียบมากมายๆเว้นเสียแต่วางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางบุคคลที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่ทราบหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปทำงานกับผู้ใด ด้วยเหตุผลดังกล่าว อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แม้กระนั้นในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดียิ่งกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุยังน้อย ความคาดหมายจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงแม้เราจะรู้สึกกดดันสำหรับเพื่อการดำเนินงานสุดๆแม้กระนั้นเชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีมากกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านระยะเวลาแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะชี้แนะคือ.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า เราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย าคำกล่าวมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกไปเรื่อยโดนดุขณะนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าตอนอายุ 50 มากมาย ถึงจะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก รวมทั้ง อ่อนประสบการณ์ คนจำนวนมากพร้อมจะให้อภัยเราเสมอ ด้วยเหตุนั้น ล้มเหลวไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามแตกต่างระหว่าง " สหาย " กับ " สหายร่วมงาน " คืออะไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และก็การหาเพื่อนพ้องในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันมีความหมายว่ายิ่งเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน เราจะหาเพื่อนย ากขึ้นแค่นั้น และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่จริงใจคนนึงในสำนักงานมันย ากขนาดไหน


นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดการณ์ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราเงินเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปดำเนินการ ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อนพ้อง ฉะนั้นวันๆเราจึงจะพบเพียงแค่เพื่อนร่วมทีม ซึ่งโดยมากแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่พบกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนบุคคลและก็เรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็เพื่อนผู้ร่วมการทำงานในครั้งเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบนี้ พวกเรารู้สึกว่ามันคือผลกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดเดียวก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเห็น

คุยแลกเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้เราลองถามตัวเองว่า "หากพวกเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนฝูงจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความไม่เหมือนระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นยังไง ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็คงจะจริง ยุคประถม การหาสหายใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาเพื่อนพ้องในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาเพื่อนย ากขึ้นแค่นั้น

และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องแท้จริงใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย ากมากแค่ไหน นอกจากจะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การคาดการณ์ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์เงินเดือนอย่ างเราคือไปดำเนินการ ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาสหาย ด้วยเหตุผลดังกล่าววันๆเราก็เลยจะพบเพียงแค่เพื่อนร่วมทีม ซึ่งส่วนมากแล้วก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น

เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องส่วนตัวรวมทั้งเรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และก็เพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ววางใจแบบนี้ เรามีความรู้สึกว่ามันเป็นผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเจอ พูดคุยเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้เราทดลองถามตนเองว่า "หากเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" หากคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

8. ควรเป็น " ลูกจ้างมือโปร "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากประสบผลสำเร็จ รวมทั้ง แฮปปี้ ต้องเป็น " ลูกจ้างมือโปร " ให้ได้ บอกง่ายแต่ทำย ากนะ ด้วยเหตุว่าผู้รับจ้างมือโปรก็คือผู้ที่ตระหนักได้ว่า " เราถูกจ้างมาด้วยค่าแรงงานปริมาณหนึ่ง " นั่นถือว่าบริษัทเค้าอยากได้อะไรบางอย่ างจากพวกเราแลกเปลี่ยนกับค่าแรงงานนั้นๆ

เราต้องทราบว่าบริษัทจ้างพวกเรามาทำอะไร รวมทั้ง ทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทคาดหวังแม้ต้องการความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ ถ้าหากงานที่ทำอยู่มีความรู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่สมควรทรหดอดทนทำไป


ควรหางานที่พวกเราทำแล้วเราแฮปปี้รวมทั้งทำเป็นดีเพื่อดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้มากที่สุด นอกจากจะทำให้พวกเราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังเป็นเหตุให้เราปรับปรุงตนเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะทราบเองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่นๆ อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ ถ้าสุดท้ายเราเจอสายอาชีพที่เรารักแล้วก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมาก

รวมทั้งด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " เราถูกจ้างมาด้วยเงินเดือนปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าตอบแทนกระทั่งเกินไป ทุ่มเทได้ แต่ว่าจะต้องมีผลสรุปที่ดีตามออกมาด้วย ได้แก่ได้ปรับค่าตอบแทนรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับพ่อแม่ พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปดูด้านหลังบ้ า งว่าผู้ที่เป็นบันไดให้พวกเรามายืนจุดนี้ ขณะนี้เค้าคืออะไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุเพิ่มขึ้นทุกวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเกิดเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ทุกข์ยากลำบากหรอก แลกกับความสำราญของพ่อแม่
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/